วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 9



การจัดบรรยากาศในชั้นเรียน
การจัดบรรยากาศในชั้นเรียน หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน เพื่อช่วยส่งเสริมให้กระบวนการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างความสนใจใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา ตลอดจนช่วยสร้างเสริมความมีระเบียบวินัยให้แก่ผู้เรียน
การจัดโต๊ะเรียนและเก้าอี้ของนักเรียน
1.ให้มีขนาดเหมาะสมกับรูปร่างและวัยของนักเรียน
2. ให้มีช่องว่างระหว่างแถวที่นักเรียนจะลุกนั่งได้สะดวก และทำกิจกรรมได้คล่องตัว
3. ให้มีความสะดวกต่อการทำความสะอาดและเคลื่อนย้ายเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งเรียน
4. ให้มีรูปแบบที่ไม่จำเจ เช่น อาจเปลี่ยนเป็นรูปตัวที ตัวยู รูปครึ่งวงกลม หรือ เข้ากลุ่มเป็นวงกลม ได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอน
5. ให้นักเรียนที่นั่งทุกจุดอ่านกระดานดำได้ชัดเจน
6. แถวหน้าของโต๊ะเรียนควรอยู่ห่างจากกระดานดำพอสมควร ไม่น้อยกว่า 3 เมตร ไม่ควรจัดโต๊ะติดกระดานดำมากเกินไป ทำให้นักเรียนต้องแหงนมองกระดานดำ  และหายใจเอาฝุ่นชอล์กเข้าไปมาก ทำให้เสียสุขภาพ

การจัดโต๊ะครู
1. ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม อาจจัดไว้หน้าห้อง ข้างห้อง หรือหลังห้องก็ได้ งานวิจัยบางเรื่องเสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้องเพื่อให้มองเห็นนักเรียนได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม การจัดโต๊ะครูนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดที่นั่งของนักเรียนด้วย
2. ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งบนโต๊ะและในลิ้นชักโต๊ะ เพื่อสะดวกต่อการทำงานของครู และการวางสมุดงานของนักเรียน ตลอดจนเพื่อปลูกฝังลักษณะนิสัยความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่นักเรียน


การจัดป้ายนิเทศ ป้ายนิเทศไว้ที่ฝาผนังของห้องเรียน ส่วนใหญ่จะติดไว้ที่ข้างกระดาน
1. จัดตกแต่งออกแบบให้สวยงาม น่าดู สร้างความสนใจให้แกนักเรียน
2. จัดเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับบทเรียน อาจใช้ติดสรุปบทเรียน ทบทวนบทเรียน หรือเสริมความรู้ให้แก่นักเรียน
3. จัดให้ใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับเหตุการณ์สำคัญ หรือวันสำคัญต่าง ๆ ที่นักเรียนเรียนและควรรู้
4. จัดติดผลงานของนักเรียนและแผนภูมิแสดงความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนจะเป็นการให้แรงจูงใจที่น่าสนใจวิธีหนึ่ง
การจัดสภาพห้องเรียน
1.  มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีหน้าต่างพอเพียง และมีประตูเข้าออกได้สะดวก
2. มีแสงสว่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนอ่านหนังสือได้ชัดเจน เพื่อเป็นการถนอมสายตา ควรใช้ไฟฟ้าช่วย ถ้ามีแสงสว่างน้อยเกินไป
3. ปราศจากสิ่งรบกวนต่าง ๆ เช่น เสียง กลิ่น ควัน ฝุ่น ฯลฯ
4. มีความสะอาด โดยฝึกให้นักเรียนรับผิดชอบช่วยกันเก็บกวาด เช็ดถู เป็นการปลูกฝังนิสัยรักความสะอาด และฝึกการทำงานร่วมกัน
การจัดมุมต่าง ๆ ในห้องเรียน
1. มุมหนังสือ ควรมีไว้เพื่อฝึกนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านคล่อง ส่งเสริม การค้นคว้าหาความรู้ และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ครูควรหาหนังสือหลาย ๆ ประเภท ที่มีความยากง่าย เหมาะสมกับวัยของนักเรียนมาให้อ่าน และควรหาหนังสือชุดใหม่มาเปลี่ยนบ่อย ๆ การจัดมุมหนังสือควรจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อสะดวกต่อการหยิบอ่าน
2. มุมเสริมความรู้กลุ่มประสบการณ์ต่าง ๆ ควรจัดไว้ให้น่าสนใจ ช่วยเสรมความรู้ ทบทวนความรู้ เช่น มุมภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา มุมความรู้ข่าว เหตุการณ์ ฯลฯ
3. มุมแสดงผลงานของนักเรียน ครูควรติดบนป้ายนิเทศ แขวนหรือจัดวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้นักเรียนเกิดความภูมิใจในความสำเร็จ และมีกำลังใจในการเรียนต่อไป อีกทั้งยังสามารถแก้ไขพัฒนาผลงานของนักเรียนให้ดีขึ้นโดยลำดับได้อีกด้วย
4. ตู้เก็บสื่อการเรียนการสอน เช่น บัตรคำ แผนภูมิ ภาพพลิก กระดาษ สี กาว ฯลฯ ควรจัดไว้ให้เป็นระเบียบ เป็นสัดส่วน สะดวกต่อการหยิบใช้ อุปกรณ์ชิ้นใดที่เก่าเกินไปหรือไม่ใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้ในตู้ให้ดูรกรุงรัง
5. การประดับตกแต่งห้องเรียน ครูส่วนใหญ่มักนิยมประดับตกแต่งห้องเรียนด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น ม่าน มู่ลี่ ภาพ ดอกไม้ คำขวัญ สุภาษิต ควรตกแต่งพอเหมาะไม่ให้ดูรกรุงรัง สีสันที่ใช้ไม่ควรฉูดฉาด หรือใช้สีสะท้นแสง อาจทำให้นักเรียนเสียสายตาได้ การประดับตกแต่งห้องเรียน ควรคำนึงถึงหลักความเรียบง่าย เป็นระเบียบ ประหยัด มุ่งประโยชน์ และสวยงาม
6. มุมเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด ตลอดจนชั้นวางเครื่องมือเครื่องใช้ของนักเรียน เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้ำ กล่องอาหาร ปิ่นโต ฯลฯ ควรจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และหมั่นเช็ดถูให้สะอาดเสมอ

กิจกรรมที่ 8


ครูมืออาชีพ
                ครูอาชีพ” คือ ครูที่มีความรู้ ความสามารถ ความเมตตากรุณา จิตวิญญาณของความเป็นครูในการอบรมสั่งสอนนักเรียนอย่างสุดความสามารถ โดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
ครูมืออาชีพ”   ต้องมีลักษณะพื้นฐานในตน   3   ประการ ต่อไปนี้
1. ครูต้องมี   ฉันทะ   ต่ออาชีพครูเป็นพื้นฐาน
2. ครูต้องมีความ   เมตตา ต่อเด็กและบุคคลรอบข้างเป็นพื้นฐาน
3. ครูต้องมีความเป็น   กัลยาณมิตร   พร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ครูมืออาชีพ”   ต้องมีความสามารถ ต่อไปนี้
            1. สามารถประยุกต์ใช้ยุทธศาสตร์ และการจัดระบบ ได้อย่างเหมาะสมกับการเรียนรู้และความต้องการทางการศึกษาของผู้เรียน  สภาพแวดล้อมของโรงเรียนและสาระการเรียนรู้ที่สอน
             2. สามารถติดตามการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ใช้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อวางแผนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนเป็นรายบุคคล  เป็นกลุ่มและเป็นชั้น
             3.  ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างอิสระ  ฝึกการใช้ภาษา คาดหวังให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการเรียนรู้
            4.  พัฒนาความสัมพันธ์เชิงจรรยาบรรณ  บนพื้นฐานทักษะการสื่อสารที่ดีให้การยอมรับผู้เรียนทุกคน และคาดหวังจะได้รับการยอมรับจากผู้เรียน
            5.  มีความรู้ที่ทันสมัย  และสนับสนุนข้อคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรอย่างกระตือรือร้น
            6.  เชื่อความสามารถในการเรียนของผู้เรียนทุกคน  คาดหวังว่าผู้เรียนทุกคนเรียนรู้และส่งความคาดหวังนี้ไปยังแต่ละบุคคล  โรงเรียนและชุมชน
            7.  กระตือรือร้นในการฝึกผู้เรียนเข้าสู่ประสบการณ์แห่งการเรียนรู้เรื่องที่ผู้เรียนเห็นว่ามีความสำคัญต่อชีวิตของตน
            8.  ช่วยให้ผู้เรียนสามารถสร้างความเชื่อมโยง  เข้าใจความสัมพันธ์ทั้งภายในและระหว่างสาระการเรียนรู้


           สรุป  ครูมืออาชีพต้องเน้นการสอนให้มีคุณภาพ  เพราะว่าคุณภาพการสอนของครูย่อมส่งผลต่อนักเรียน  ครูต้องมุ่งเน้นให้นักเรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

TEST

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555



กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน
บทความที่ 2
   ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของดร.สุเมธ ตันติเวชกุล วารสารทักษิณ
    1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
จากบทความ  ความเป็นครูพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น  เปรียบเสมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นดั่งครูแห่งแผ่นดิน ครูของประเทศชาติ ครูของประชาชนทุกคนที่เป็นพสกนิกรของท่าน เพราะพระองค์ได้ทรงสอนถึงเรื่องการให้เราได้รู้จักถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ สอนให้รู้จักการใช้ชีวิต รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ เผื่อแผ่ถึงคนที่ทุกข์ยากลำบาก เนื่องจากความเป็นครูของท่านที่ได้สั่งสอนประชาชนทุกคนนั้น ไม่มีตำราใด ไม่มีมหาวอทยาลัยไหน ที่ได้สอนลึก เขาถึงเรื่องแบบนี้  ดังตัวอย่างโครงการมากมายที่ท่านได้ทรงคิดขึ้นมานอกจากท่านจะคิดแล้วท่านยังทำให้ดูอีกด้วย ทรงทำให้เห็นว่าการเป็นครูนอกจากการเรียนการสอนนอกชั้นเรียนแล้ว การทำให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง การให้นักเรียนได้เห็นเนื้อหาของวิชาที่แท้จริง โดยการทำให้ดูรวมถึงการฝึกให้นักเรียนคิดด้วยตนเองคิดได้คิดเป็น นอกจากนี้การเป็นครูที่ดีจะต้องปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้นักเรียนด้วย รวมถึงเปิดใจกว้างยอมรับความรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ ฝึกฝนพัฒนาตนเองให้มีความรู้ก้าวหน้า ทันกับสภาพแวดล้อมเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป แต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ในความพอดีพอเพียงด้วย  เพื่อคนไทยจะได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ มีความเจริญทางด้านจิตใจ มากยิ่งขึ้น

  2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
จะใช้วิธีการสอนโดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้โดยสอนให้นักเรียนได้รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอมีพอกิน รู้จักประหยัดอดออม นอกจากนั้นจะสอนให้นักเรียนได้รู้จักอนุรักษ์วิถีชีวิตของแต่ละชุมชนของนักเรียนเอง  ให้นักเรียนได้รู้จักการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดความรู้และประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะให้ความรู้แก่นักเรียนอย่างเต็มความสามารถ ให้คะแนนแก่นักเรียนด้วยความยุติธรรมและเป็นครูที่มีแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียนทุกคน
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
จะออกแบบการสอนโดยให้นักเรียนได้ออกไปสัมผัสกับสถานการณ์จริง ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้ฝึกลงมือทำด้วยตนเอง จะสอนให้นักเรียนรู้จักใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์และนำสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถก้าวทันต่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆได้ และสอนให้นักเรียนได้ศึกษาถึงวิถีการดำเนินชีวิตในท้องถิ่นของตนเองรวมไปถึงภูมิปัญญาต่างๆในท้องถิ่นของตนเองและสามารถจัดทำผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองได้

บทความที่ 3
วิถีแห่งสตีฟ จ๊อบส์     THE STEVE JOBS WAY
    1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
      สตีฟ จ๊อบส์ คือ คนที่การศึกษาอย่างเป็นทางการไม่สูงนักแต่ฉลาดและน่าสนใจเขาได้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นจากมันสมองอัญชาญฉลาดของเขาสิ่งที่สร้างนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากปาฏิหาริย์ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากมันสมองและสองมือของมนุษย์ที่ผ่านกระบวนการฝึก ศึกษา พัฒนา และใช้ปัญญา กว่าเขาจะมาถึงวันนี้เข้าต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆๆมากมายแต่ก็สามารถพ้นผ่านมาได้จนได้ จนกลายเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
ผมจะนำความรู้ที่มีทั้งหมดนำไปถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์โดยที่จะไม่หวงวิชา โดยใช้การสอนที่ทำให้นักเรียนทุกคนแสดงความสามารถของแต่ละคนออกมาให้ดีที่สุดและทำให้เขารู้ว่าเขามีความถนัดด้านใดก่อนที่จะสอนจะสอบถามถึงความชอบและถนัดในวิชาที่เรียนและนักเรียนเสนอแนวคิดและสิ่งที่จะเรียนที่แตกต่างกันออกไปแล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน เปิดโอกาสให้นักเรียนทึกคนได้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ เพื่อเปิดโอกาสห้เขาได้แสดงความสามารถที่เขามีออกมา
3. ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
   ในอนาคตผมจะเป็นครูผู้สอน และผมจะนำแนวคิดของบทความนี้ไปใช้ในการออกแบบการสอนโดย ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเข้าใจ สามารถนำไปใช้ได้จริงผมจะนำมาประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จะจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถของเขาให้มากที่สุดเพื่อที่จะต่อยอดความสามารถของเขา

กิจกรรมที่ 7


ให้นักศึกษาศึกษาดูโทรทัศน์ครู ให้เลือกเรื่องที่นักศึกษาสนใจมาคนละ 1 เรื่อง และเขียนลงในบล็อกกิจกรรมของนักเรียน ดังนี้


1. สอนเรื่องอะไร ผู้สอนชื่อ ระดับชั้นที่สอน                                                                                                 
         เรื่อง ตำนานถ้ำภูผายล ผู้สอน คุณครูสุจินต์ สวนไผ่ ระดับชั้นที่สอนประถมศึกษาปีที่ 6                    
 2. เนื้อหาที่ใช้สอนมีอะไรบ้าง                                                                                                                                                                                                                                         
               ครูให้แก่นความรู้ในการศึกษาประวัติศาสตร์ ว่า เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับอะไร ? เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเวลา อดีต และสังคมมนุษย์ ที่มีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยให้นักเรียนเสนอประเด็นแหล่งประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่นักเรียนมีความสนใจ ศึกษาเรียนรู้ เช่น ภูผายล ถ้ำเสรีไทย พระบาทน้ำทิพย์
3. จัดกิจกรรมการสอนด้าน (สติปัญญา=IQ, อารมณ์=EQ, คุณธรรมจริยธรรม=MQ)
การจัดกิจกรรมการสอนด้านสติปัญญา เด็กนักเรียนเลือกแหล่งเรียนรู้ผ่านการอธิบายเหตุผลและการลงคะแนน ต่อจากนั้นครูแนะสถานที่ไป ความสำคัญ จุดสำคัญทีควรศึกษา เช่น ภาพเขียน 3000 ปี จากนั้น ครูให้เด็กศึกษา หาข้อมูลเพิ่ม ก่อนไปทัศนศึกษา เมื่อศึกษาจบให้นำเสนอผลงานที่ไปดูงานมา และนำข้อมูลที่ได้ สรุปนำเสนอ และเผยแพร่ความรู้ให้น้องๆ ผ่านการจัดนิทรรศการ
การจัดกิจกรรมการสอนด้านอารมณ์ การสอนแบบโครงงานให้นักเรียน เรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามความสนใจของผู้เรียน โดยผ่านกระบวนการหลักคือ กระบวนการแก้ปัญหา ผู้เรียนจะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง จึงเป็นการเรียนรู้จากการได้มีประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้
การจัดกิจกรรมการสอนด้านคุณธรรมจริยธรรม ให้นักเรียนมีจิตสำนึกรักบ้านเกิด จึงได้พานักเรียนไปทัศนศึกษาเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลแหล่งประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น เพื่อนักเรียนจะได้มีความรู้เกี่ยวกับข้อมูลท้องถิ่นของตนเองมากขึ้น และภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น      
 4. บรรยากาศการจัดห้องเรียน      มีห้องเรียนที่สะอาด จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้อย่างเป็นระเบียบ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน มีการจัดมุมวิชาการต่าง ๆ การจัดป้ายนิเทศ การตกแต่งห้องเรียนด้วยผลงานของนักเรียน และมีห้องเรียนที่ไม่คับแคบจนเกินไป ทำให้นักเรียนเกิดความคล่องตัวในการทำกิจกรรม
                                                                                                                                 

ความรู้เสริม

การใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงเดินทางสายกลางจะทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างสงบสุขไม่เดือดร้อน

กิจกรรมที่ 6

เนื่องจากในปัจจุบันโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาผมจึงเห็นความสำคัญของเรื่องภาวะโลกร้อน จึงเลือกที่จะศึกษาเรื่องนี้และอยากให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน